Jason Li ประธานฝ่ายการตลาดและโซลูชั่นระดับโลก หน่วยธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลด้านพลังงานไฟฟ้าของหัวเว่ย กล่าวว่า “พอร์ตโฟลิโอด้านระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล และ AI จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย เราเชื่อว่าการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับสถานการณ์การใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และการปรับโครงสร้างรูปแบบการผลิตและการปฏิบัติการผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารและ AI จะช่วยตอบสนองความต้องการทั้งสองด้าน นั่นคือคือความเสถียรสูงสุดและความยืดหยุ่นสูงสุด” โมเดลนี้ถูกนำเสนอผ่านโซลูชั่นสถานีย่อยอัจฉริยะของหัวเว่ยที่ใช้การตรวจจับรอบพื้นที่ด้วยไฟเบอร์ออปติกอัจฉริยะ
สถานีย่อยแบบเดิมมักพึ่งพาการตรวจสอบแบบแมนวลและการเฝ้าติดตามแบบทั่วไป ซึ่งมีข้อจำกัดในการตรวจจับความเสี่ยงที่ซับซ้อน โซลูชั่นล้ำสมัยของหัวเว่ยจะใช้การตรวจจับด้วยไฟเบอร์ออปติกและอัลกอริทึม AI ขนาดใหญ่ เพื่อระบุการสั่นสะเทือน การเคลื่อนไหวของบุคคล และการบุกรุกจากสิ่งแปลกปลอมได้อย่างแม่นยำ ด้วยการผสานการจัดการอัจฉริยะเข้ากับการตรวจสอบในพื้นที่จริง ระบบนี้จะช่วยลดอัตราการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดและการตรวจจับที่ล้มเหลวได้อย่างมาก พร้อมยกระดับทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน
Leo Zhang รองประธานฝ่ายเครือข่ายออปติกของ Huawei Enterprise กล่าวในสุนทรพจน์ว่า “โซลูชั่นการตรวจจับด้วยไฟเบอร์ออปติกอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเพิ่มความปลอดภัยรอบพื้นที่และความมั่นคงของสายเคเบิลใต้ดินสำหรับสถานีย่อยและโรงไฟฟ้าด้วยคุณสมบัติความแม่นยำสูง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และการตรวจจับตลอด 24 ชั่วโมง ผลลัพธ์คือความปลอดภัยดีขึ้นอย่างมาก ลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบด้วยมือ และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน”
Jacky Wang รองประธานหน่วยธุรกิจการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลด้านพลังงานไฟฟ้า กล่าวว่า “สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและเป็นแบบเรียลไทม์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดึงศักยภาพของ AI ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกัน โครงข่ายการสื่อสารที่มีความน่าเชื่อถือสูงก็เป็นรากฐานสำคัญของข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นแบบเรียลไทม์เช่นกัน เราจำเป็นต้องนิยามสถานการณ์ดิจิทัลใหม่ รวมถึงเป้าหมายของเครือข่ายการสื่อสาร และวางตำแหน่งของความมั่นคงปลอดภัยทางเครือข่ายเสียใหม่” เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “พลังประมวลผลคือรากฐานของ AI ไฟฟ้าคือขีดจำกัดของพลังประมวลผล และ AI คืออนาคตของพลังงานไฟฟ้า”
Jing Kong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Beijing Yueneng Technology กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า
“AI+ จะเข้ามาช่วยให้พลังงานรูปแบบใหม่เติบโตอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน ไม่ใช่แค่เติบโตอย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียว แต่เติบโตอย่างมีคุณภาพด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นสำหรับเราทุกคน Yueneng จึงจับมือเป็นพันธมิตรกับหัวเว่ยเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของพลังงานรูปแบบใหม่”
ภายในงานครั้งนี้ หัวเว่ยได้จัดงานเสวนาโต๊ะกลม IDS Club และงานฟอรัมพันธมิตรด้านพลังงานไฟฟ้าเอเชียแปซิฟิกโดยมีลูกค้าและพันธมิตรมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาและโอกาสในระดับภูมิภาคอย่างคึกคัก นอกจากนี้ บรรดาบริษัทด้านพลังงานยังได้เยี่ยมชม Huawei OpenLab เพื่อเรียนรู้และสัมผัสกับโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะของหัวเว่ยอย่างใกล้ชิด กล่าวโดยสรุป หัวเว่ยยังคงเดินหน้าร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมพลังงานดิจิทัลและอัจฉริยะอย่างเต็มกำลัง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่：
https://e.huawei.com/en/industries/grid
Hashtag: #Huawei
The issuer is solely responsible for the content of this announcement.
